ช่วยทำงานไม่ได้มาแทนที่ ประโยชน์ของ Generative AI กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ช่วยทำงานไม่ได้มาแทนที่ ประโยชน์ของ Generative AI กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

มี.ค. 12, 2023

ช่วยทำงานไม่ได้มาแทนที่ ประโยชน์ของ Generative AI กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

คำว่า “AI” ที่ก่อนหน้านี้แทบจะเป็นแค่คำศัพท์ที่ใช้กันในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง แต่ในสองสามปีที่ผ่านมา คำๆ นี้เริ่มถูกพูดถึงกันมากขึ้น และยิ่งการมาถึงของ “AI” สุดดังอย่าง ChatGPT ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้
คำว่า “AI” ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางขึ้นไปอีก

ถ้านำความหมายของคำว่า AI ไปค้นหาใน Google ท่านก็จะหาคำตอบได้ไม่ยาก ดังนั้นบทความนี้จะไม่ขอเจาะจงไปที่ความหมายของ AI แต่บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ AI ประเภทหนึ่งคือ Generative AI ซึ่งจะพาทุกท่านไปรู้จักความหมายว่า “Generative AI คืออะไร?” และสรุปสิ่งที่คิดว่าน่าจะสำคัญพอๆ กับความหมาย ดีไม่ดีอาจจะสิ่งที่เราอย่างรู้มากที่สุดด้วยซ้ำนั่นคือ “แล้วมันมีประโยชน์ อย่างไร”

เพื่อให้ไม่เสียเวลา งั้นเรามาเริ่มกันเลย

Generative AI คืออะไร?
ถ้าอ้างอิงจาก ​​Google search engine ชื่อดังที่ระบุไว้ใน Google Cloud ว่า

“Generative AI or generative artificial intelligence refers to the use of AI to create new content, like text, images, music, audio, and videos.

Generative AI is powered by foundation models (large AI models) that can multi-task and perform out-of-the-box tasks, including summarization, Q&A, classification, and more. Plus, with minimal training required, foundation models can be adapted for targeted use cases with very little example data.”

หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทยง่ายๆ ก็คือ เครื่องมือหรือ tools ใดๆ ที่ใช้ AI ในการสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นอยู่ในรูปแบบเนื้อหาแบบตัวอักษร รูปภาพ เพลง เสียง วิดีโอ ไปจนถึงโค้ดของโปรแกรมต่างๆ ถ้าดูจากความหมายเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพก็ขอยกตัวอย่าง Chat GPT ที่เป็น Generative AI ประเภทหนึ่งที่รับเนื้อหาเข้าเป็นตัวอักษร และตอบเป็นตัวอักษร (ปัจจุบันสามารถทำได้มากกว่าตัวอักษรแล้ว) โดยคำตอบที่เราได้รับจาก ChatGPT นั้นเกิดจากการใช้ AI ที่มีชุดข้อมูลขนาดใหญ่ในการสอน จนสามารถให้คำตอบที่ใกล้เคียงความถูกต้องมากที่สุดนั่นเอง

ซึ่งพอทราบอย่างนี้แล้ว ถัดไปเราจะมาดูกันว่าแล้วประโยชน์ของ Generative AI นั้นเข้ามาช่วยเราทำงานในรูปแบบไหนได้บ้าง

1. Content Creation and Copywriting
จากตัวอย่างของ ChatGPT ด้านบนคงปฏิเสธไม่ได้เลยที่ Generative AI เข้ามามีส่วนช่วยในงานเขียนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Blog บทความ ไปจนถึง marketing caption ตามสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ การเริ่มงานเขียนซักเรื่องนึง อาจจะต้องระดมสมอง ใช้เวลา ถึงจะสามารถเริ่มต้นงานได้ซักชิ้น แต่ตอนนี้ผู้อ่าน อาจจะลองๆ ให้ Generative AI ช่วย draft outline คร่าวๆ ขึ้นมาให้ก่อน ไปจนถึงผู้อ่านอาจจะให้ Generative AI ช่วยตรวจทานความถูกต้องของ grammar หรือคำศัพท์เพื่อลดข้อผิดพลาด เพื่อให้เรามีเวลาเหลือที่จะนำไปปรับปรุงเนื้อหา แก้ไขเนื้อหา มีเวลาโฟกัสไปสิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้เช่น ความคิดสร้างสรรค์​แทน

2. Customer Support
ปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัทหลายบริษัท เลือกที่จะใช้ AI ประเภท chatbot เข้ามาช่วยทำงานในแง่การซัพพอร์ตลูกค้า จากเดิมที่อาจจะใช้คนเข้ามาซัพพอร์ตลูกค้าตั้งแต่แรก ก็เปลี่ยนให้ AI ช่วยตอบคำถามทั่วไปให้ก่อน แล้วค่อยให้คนเข้ามามีบทบาทต่อจาก chatbot อีกที ซึ่งลดภาระของคนได้อย่างมหาศาล ผลที่ได้ก็จะช่วยให้คนสามารถไปโฟกัสงานอื่นๆ แทน เช่น การซัพพอร์ตของลูกค้าในแง่ของการเสริมสร้างความสัมพันธ์ เป็นต้น

3. Data Analysis and Insights
ปฏิเสธไม่ได้ว่างานประเภท Data Analysis ก็ยังขาดผู้เชี่ยวชาญอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในภาวะขาดแคลนนี้เอง ที่ AI เองก็เข้ามามีบทบาทงานในส่วนนี้ เช่น การให้ AI ช่วยวิเคราะห์ชุดข้อมูลให้ออกมาเป็นกราฟ แผนภาพ เพื่อให้เราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นประกอบการพิจารณาการตัดสินใจได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ไปจนแม้กระทั่งใช้เป็นตัวเปรียบชุดข้อมูล เพื่อให้ลดความผิดพลาดของการวิเคราะห์ข้อมูล ที่คนอาจจะมองข้ามไป เพื่อให้ทุกการตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

4. Language Translation and Localization
เมื่อก่อน เมื่อเราต้องการแปลภาษา หรือหาความหมายของภาษาใดภาษาหนึ่ง อาจจะต้องเปิด dictionary ขึ้นมาซักเล่ม ถัดมาหน่อยก็อาจจะเป็น Google Translate ที่อาจจะเข้ามาช่วยแปลในระดับประโยคได้มากขึ้น แต่ปัจจุบันการแปลระดับบทความเริ่มไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป Generative AI ในปัจจุบัน แทบจะทำได้ระดับใกล้เคียงกับภาษาพูด (อาจจะต้องให้คนตรวจก่อนอยู่บ้าง) นอกจากนี้ยังสามารถช่วยแปลระดับของภาษาเช่นภาษาพูด ภาษาทางการ ได้อีกด้วย แต่ไม่แค่นั้น Generative AI เข้ามามีบทบาทในแง่การเปลี่ยนแปลงข้อความเสียงให้กลายเป็นตัวหนังสือ

จากเดิม ที่อาจจะต้องใช้เวลาหลักวันหรือสัปดาห์ในการถอดบทสัมภาษณ์ ปัจจุบันอาจจะเหลือได้ภายในไม่กี่คลิก ทำให้เรามีเวลาไปโฟกัสอย่างอื่นได้มากยิ่งขึ้น

สรุป
ประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นที่กล่าวมา เป็นเพียงส่วนนึงของประโยชน์​ที่ทางผู้เขียนยกตัวอย่างมาเท่านั้น ยังมีประโยชน์ในกลุ่มงานอื่นๆ อีกมากเช่น ในส่วนของงานภาพ, งานด้านสุขภาพ ไปจนถึงงานพัฒนาซอร์ฟแวร์ ที่ Generative AI นั้นได้เข้ามาช่วยเราทำงาน ลดระยะเวลาการทำงานบางส่วน ส่งผลให้เราสามารถเปลี่ยนไปโฟกัสงานที่สำคัญมากกว่า เพื่อให้ผลลัพธ์สุดท้ายของงานมีคุณภาพกว่าเดิมประหยัดต้นทุนกว่าเดิม ที่ในท้ายที่สุดแล้วประโยชน์ดังกล่าวก็ย้อนกลับมาหาเรา ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

แล้วคุณหละ อยากลองให้ Generative AI เข้ามาช่วยทำงานตรงไหน แชร์มาบอกกันได้เลยครับผม

Author by ชาญชัย กรรณสูต Sr. Specialist, Product Owner