
Why Digital Onboarding ?
ทำไม Digital Onboarding ถึงสำคัญ
ความต้องการใช้เทคโนโลยีการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ตัวยออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์ที่ต้องเว้นระยะห่าง รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องการจะลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ทำให้การพิสูจน์และยืนยันตัวตน จำเป็นต้องถูกพัฒนาเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนที่ โดยใช้ข้อมูลทางชีวภาพของแต่ละคนที่มีอยู่เฉพาะตัว เพื่อยืนยันการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ หรือรหัสพันธุกรรม
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อเข้าถึงบริการออนไลน์มากขึ้น ทั้งเรื่องงาน การซื้อขายสินค้า การทำธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงขอรับบริการต่าง ๆ ทำให้ธุรกิจเป็นต้องสร้างช่องทางออนไลน์ที่มีการพิสูจน์และยืนยันตัวตนอย่างถูกต้อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่าย ปลอดภัย ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
Digital Onboarding ช่วยเพิ่มความสะดวกและปลอดภัย เพราะเป็นรูปแบบที่เข้ามาช่วยพิสูจน์และยืนยันตัวตนของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการ และผู้ขอรับบริการ จะได้ประโยชน์ร่วมกัน สถาบันการเงินหรือธุรกิจอื่น ๆ ก็สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ป้องกันการกระทำความผิด เช่น การใช้ตัวตนปลอม หรือใช้ข้อมูลบุคคลอื่นในการเปิดบัญชี ลักลอบใช้บัญชีซื้อขายแทนกัน รวมถึงการยักยอกเงินโดยที่เจ้าของบัญชีไม่ทราบ
ส่วนผู้ขอรับบริการจะได้รับความสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่สาขา ก็สามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตน ได้อย่างรวดเร็วผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือช่องทางออนไลน์อื่น รวมทั้งมีความปลอดภัยเพราะใช้ข้อมูลทางชีวภาพในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ซึ่งรองรับ NDID (National Digital ID) ที่เป็นมาตรฐานการยืนยันตัวตนของภาครัฐ ยกตัวอย่างเช่น การเปิดบัญชีธนาคารที่ปัจจุบันสามารถเปิดได้ผ่าน Smart Phone ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปสาขา ลดการสัมผัส แถมได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่มากกว่าเดิม
Electronic Know your Customer (E-KYC) ?
มาตรฐานยืนยันตัวตน คืออะไร ทำงานอย่างไร
ประเทศไทย มีมาตรฐานในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ที่เรียกว่า e-KYC (Electronic know your customer) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของการทำ Digital Onboarding เพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย มาตรฐานนี้ถูกกำหนดโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้นำข้อกำหนด Special Publication 800-6 3 A – Digital Identity Guidelines – Enrollment and Identity Proofing ของหน่วยงาน National Institute of Standards and Technology (NIST) มาประยุกต์เป็นแนวทางการใช้งานของประเทศไทยเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
e-KYC แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือระดับความน่าเชื่อถือของการยืนยันตัวตน(Identity Assurance Level) หรือ IAL และระดับความน่าเชื่อถือของสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตน (Authenticator Assurance Level) หรือ AAL

e-KYC ปลอดภัยมากขนาดไหน
- ต้องยอมรับว่า หากธุรกิจใดพัฒนา e-KYC ขึ้นมา จะต้องมีมาตรฐานการยืนยันระดับสากล ซึ่งการยืนยัน ตัวในมาตรฐานข้างต้นถือว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด เพราะสามารถป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว ตรวจสอบธุรกรรมการเงิน โดยเฉพาะเมื่ออาชญากรไซเบอร์มีความเชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อโจรกรรมข้อมูลจากบริษัทและลูกค้า การยืนยันตัวตนนี้เอง จะทำให้อาชญากรดำเนินการได้ยากมากขึ้น
ข้อดีของการใช้ e-KYC
- ช่วยให้คนไทยทำธุรกรรมการเงินได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งมีการตรวจสอบด้วยอัตลักษณ์บุคคล เช่น การสแกนใบหน้า
- ช่วยให้สามารถระบุไอดีที่เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล และการยากต่อการปลอมแปลง
- ลดระยะเวลาการดำเนินการไม่ถึง 10 นาที จาก 1 – 2 ชั่วโมง
- ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีมาก สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่าย ๆ ลูกค้าสามารถรับประสบการณ์ที่ดีในการขอรับบริการ
- ลดต้นทุนของธุรกิจ ในการตรวจสอบและจัดเก็บเอกสาร
เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด
ข้อมูลจาก https://www.techhub.in.th/digital-onboarding-end-the-transactions-problem-in-the-age-of-identity/
บทความ
รู้จักโครงการ e-Refund ลดหย่อนภาษีได้มากถึง 50,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าและบริการที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
รู้จักโครงการ e-Refund ลดหย่อนภาษีได้มากถึง 50,000 บาท...
Brainergy ผ่านการรับรองจาก ETDA (สพธอ.) ให้เป็น Advanced Service Provider
Brainergy ผ่านการรับรองจาก ETDA (สพธอ.) ให้เป็น Advanced Service Provider...
ทำความรู้จัก e-Contract ระบบสัญญาอิเล็กทรอนิกส์
e-Contract ระบบสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ เซ็นเอกสารสัญญาดิจิทัล สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ถูกกฎหมาย 100%...
ข่าวสารและกิจกรรม
ทดลองใช้งานฟรี!
สนใจทดลองใช้บริการ SmartTAX | SmartFLOW | SmartSIGN ฟรี! คลิกเลย!